พิมพ์

 

อนุสัญญาด้านการขนส่งทางทะเล

(Maritime transport)



        การขนส่งทางทะเลนับว่าเป็นกิจกรรมระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุด เนื่องจาก 90% ของสินค้าที่มีการค้าขายระหว่างประเทศต้องใช้การขนส่งทางเรือ ซึ่งต้องผ่านน่านน้ำที่อยู่ในอำนาจอธิปไตยของประเทศต่างๆ เพื่อให้การขนส่งทางทะเลมีความปลอดภัยและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ประเทศต่างๆจึงตระหนักถึงความจำเป็นในการที่จะต้องมีกฏหมายระหว่างประเทศมากำกับการเดินเรือทางทะเลร่วมกัน

        เพื่อให้การดำเนินการตามกฏหมายในเรื่องดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้เห็นชอบในการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อรับผิดชอบในการเดินเรือทางทะเลขึ้นคือ องค์การที่ปรึกษาทางทะเลระหว่างรัฐบาล (Inter Governmental Maritime Consultative Organization: IMCO) เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2502 ต่อมาชื่อขององค์การได้เปลี่ยนเป็น องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization : IMO) และในปี พ.ศ.2525 ประเทศไทยสมัครเป็นสมาชิกขององค์การดังกล่าว ในปัจจุบันมีประเทศสมาชิกรวมทั้งสิ้น 158 ประเทศ โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

        IMO มีหน้าที่หลักคือ รับผิดชอบเกี่ยวกับอนุสัญญาและพิธีสารที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางทะเล สามารถแบ่งได้เป็น

            - ความปลอดภัยทางทะเล (Maritime Safety)
            - มลพิษทางทะเล (Marine Pollution)
            - ความรับผิดและการชดเชยค่าเสียหาย (Liability and Compensation)
            - อื่นๆ

 

กฎหมาย/ข้อตกลง ความสำคัญ/สาระสำคัญ สถานภาพ (ประเทศไทย) สถานภาพ (อนุสัญญา)
ความปลอดภัยทางทะเล  (Maritime Safety)
อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล พ.ศ.2517 

(International Convention for the Safty of Life at Sea, 1974 or SOLAS)
มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับการต่อเรือ ตลอดจนอุปกรณ์และการปฏิบัติการของเรือซึ่งจะต้องมีความปลอดภัย รัฐเจ้าของธงจะต้องรับผิดชอบในการควบคุมให้เรือของตนปฏิบัติตามข้อกำหนดของอนุสัญญา โดยการออกใบรับรองให้แก่เรือที่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานที่วางไว้ ให้สัตยาบัน 18 ธันวาคม 2527 รับรองในปี 2517 มีการปรับปรุงแก้ไขหลายครั้ง
อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ค.ศ.1979

(International Convention on Maritime Search and Rescue, 1979 or SAR)
มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการร่วมปฏิบัติการระหว่างรัฐบาลประเทศต่างๆ และระหว่างผู้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลในทะเล โดยการจัดทำแผนการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและหน่วยย่อยต่างๆ กำหนดขั้นตอนการปฏิบัติในกรณีฉุกเฉินหรือมีเหตุเตือนภัยหรือในขณะปฏิบัติการช่วยเหลือ ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้มีผุ้บังคับการในที่เกิดเหตุ (on-scene commander) และหน้าที่ของบุคคลดังกล่าว มีแผนที่จะเข้าเป็นภาคีี

รับรอง 27 เมษายน 2522

มีผลบังคับใช้ 22 มิถุนายน 2528

มลพิษทางทะเล (Marine Pollution)
อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการเตรียมการปฏิบัติการและความร่วมมือในการป้องกันและขจัดมลพิษน้ำมันพ.ศ.2533 
(International Convention on Oil Pollution Preparedness Response and Cooperation, 1990 or OPRC)
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการขจัดคราบน้ำมันและมลพิษที่เกิดจากคราบน้ำมัน โดยการจัดทำมาตรการระดับประเทศหรือมาตรการระหว่างประเทศ 20 เมษายน 2543

รับรอง 30 พฤศจิกายน 2533

มีผลบังคับใช้ 13 พฤษภาคม 2538

อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือพ.ศ.2516 และพิธีสาร พ.ศ. 2521 

(International Convention for the Prevention of Pollution from Ships, MARPOL 73/78)

เป็นมาตรการเพื่อป้องกันมลภาวะจากเรือและกำหนดให้เรือบรรทุกน้ำมันขนาดตั้งแต่ 20,000 dwt ต้องมี Segregated Ballast Tanks (SBT) ให้สัตยาบันแล้ว มีผลบังคับใช้ 2 กุมภาพันธ์ 2551
อนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันมลพิษทางทะเลเนื่องจากการทิ้งวัสดุเหลือใช้และวัสดุอย่างอื่น ค.ศ.1972 

(Convention on the Marine Pollution by Dumping of Wastes and Other Matters, 1992 or LDC)
ควบคุมป้องกันมลภาวะอันเกิดจากการทิ้งวัสดุที่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมในทะเล จากเรืออากาศยานฐานลอยน้ำหรือสิ่งก่อสร้างลอยน้ำใดๆ ยังไม่ให้สัตยาบัน 30 สิงหาคม 2518

พิธีสารว่าด้วยการเตรียมการปฏิบัติการและความร่วมมือในการป้องกันและขจัดมลพิษจากสารพิษและสารอันตราย พ.ศ. 2543

Protocol on Preparedness, Response and Co-operation to pollution Incidents by Hazardous and Noxious Substances, 2000 (HNS Protocol)

กำหนดกรอบสำหรับความร่วมมือในการต่อสู้กับการเกิดมลพิษทางทะเลที่เกิดจากสารพิษหรือสารอันตราย โดยกำหนดให้เรือมีแผนฉุกเฉินต่อต้านมลพิษในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่เกียวกับ HNS ยังไม่ให้สัตยาบัน

15 มีนาคม 2543

มีผลบังคับใช้ 14 มิถุนายน 2550

อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยระบบกันเพรียงของเรือ

(International Convention on the Control of Harmful Anti-fouling Systems on Ships (AFS), 2001

การห้ามหรือจำกัดการใช้สารอันตรายที่ใช้ในสีกันเพรียงที่ใช้กับเรือ และเพื่อจัดทำกลไกเพื่อป้องกันการใช้สารอันตรายในระบบกันเพรียงของเรือ ยังไม่ให้สัตยาบัน

รับรอง 5 ตุลาคม 2544

มีผลบังคับใช้ 17 กันยายน 2551

อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการจัดการน้ำอับเฉาและตะกอน 

(International Convention for the Control and Management of Ships' Ballast Water and Sediments, 2004)

การป้องกันการลดและการยุติการกระจายของสัตว์น้ำที่มีอันตรายและก่อให้เกิดโรค ด้วยการควบคุมและจัดการน้ำอับเฉาเรือและตะกอนของน้ำอับเฉา ยังไม่ให้สัตยาบัน

รับรอง 13 กุมภาพันธ์ 2547

ยังไม่มีผลบังคับใช้

ความรับผิดและการชดเชยค่าเสียหาย (Liability and Compensation)

อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความรับผิดทางแพ่งเพื่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน พ.ศ.2512

(International Convention on Civil Liability for Oil Pollution Damage,1992 or CLC)

ให้บุคคลที่ได้รับความเสียหายจากมลพิษน้ำมันเนื่องจากอุบัติเหตุทางทะเลได้รับการชดเชยค่าเสียหาย อยู่ในระหว่างดำเนินการเข้าเป็นภาคีี รับรองเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2505
อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการจัดตั้งกองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหายจากมลพิษของน้ำมัน 

(International Convention on the Establishment of an International Fund for Compensation for oil Pollution Damage, 1992-FUND)
จัดตั้งกองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดเชยค่าเสียหายจากมลพิษของน้ำมันในกรณีที่เงินชดเชยจากอนุสัญญา CLC ไม่เพียงพอหรือไม่สามารถจ่ายได้ อยู่ในระหว่างดำเนินการเข้าเป็นภาคี รับรองเมื่อ 18 ธันวาคม 2514
อื่นๆ
อนุสัญญาเพื่อการปราบปรามการกระทำอันมิชอบต่อความปลอดภัยในการเดินเรือ ค.ศ.1988 

(Convention for the Suppression of Unlawful Acts Against the Safety of Maritime Navigations, 1988 or SUA)

มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดมาตรการลงโทษที่เหมาะสมต่อบุคคลที่กระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมายแก่เรือ ซึ่งรวมถึงกรณีดังต่อไปนี้

  - การยึดเรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย

  - การกระทำที่รุนแรงต่อบุคคลที่อยู่บนเรือและ

  - การจัดวางหรือติดตั้งอุปกรณ์บนเรือซึ่งอาจทำลายหรือทำให้เรือเกิดความเสียหาย

มีแผนที่จะเข้าเป็นภาคี