การทำเหมืองเเร่ในทะเล
การสำรวจแร่ในทะเลไทย
การสำรวจทรัพยากรแร่ในทะเลอย่างเป็นระบบของประเทศไทย เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2522 โดยกรมทรัพยากรธรณี ได้รับความร่วมมือจากองค์กร United Nations Development Progremme (UNDP) จัดตั้ง “โครงการสำรวจแร่ดีบุกและแร่หนักนอกชายฝั่งทะเลอันดามัน (ปี 2522-2529)” เพื่อดำเนินการสำรวจบริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต ที่ระดับน้ำลึกไม่เกิน 50 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 22,000 ตารางกิโลเมตร
ต่อมาในปี 2530 ได้จัดตั้ง “โครงการสำรวจแร่นอกชายฝั่งทะเลอ่าวไทย (ปี 2530-2538)” เพื่อดำเนินการสำรวจบริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราชครอบคลุมพื้นที่ 20,955 ตารางกิโลเมตร
ในปี 2541 จัดตั้ง “โครงการสำรวจทรัพยากรธรณีในทะเล (ปี 2541-2544)” โดยดำเนินการสำรวจบริเวณนอกชายฝั่งทั้งทะเลอันดามันและอ่าวไทยครอบคลุม พื้นที่ 13,120 ตารางกิโลเมตร ปัจจุบันกรมทรัพยากรธรณียังคงมีการสำรวจอยู่ภายใต้ระบบงานสำรวจทรัพยากรธรณี ในทะเลของเศรษฐธรณีวิทยา
ผลการสำรวจในอ่าวไทยพบ แร่คอรันดัม บริเวณนอกชายฝั่งอำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี แต่เป็นเม็ดขนาดเล็กประมาณ 1-3 มิลลิเมตร กรวดทรายก่อสร้าง ก็ได้มีการสำรวจพบบริเวณอ่าวระยองมีกรวดทราย สะสมตัวปริมาณไม่น้อยกว่า 450 ล้านลูกบาศก์เมตร
ในทะเลอันดามัน สำรวจพบพื้นที่ที่มีแร่ ดีบุก และแร่หนักมีค่าใน 3 บริเวณด้วยกัน คือ บริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดระนองและพังงา บริเวณรอบจังหวัดภูเก็ต และอ่าวในหมู่เกาะอาดัง-ราวี จังหวัดสตูล และสรุปได้ว่าแร่ดีบุกและแร่หนักมีค่าในพื้นที่ส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดมาจากบนบก แล้วถูกพัดพาลงสู่ทะเลทำให้เกิดแหล่งลานแร่ ยกเว้นแหล่งดีบุกทางตะวันออกของอ่าวภูเก็ตที่พบว่าเกิดแบบปฐมภูมิ
พบแร่ เพชร ที่เป็นผลพลอยได้จากการทำเหมืองแร่ดีบุกนอกชายฝั่งอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ในคลองพังงาและอ่าวภูเก็ตนั้น พบว่าเกิดแบบทุติยภูมิ สันนิษฐานว่ามีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาบนบกซึ่งครอบคลุม 4 จังหวัด คือ จังหวัดระนอง พังงา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี
ถ่านหิน ซับบิทูมินัส ได้มีการเจาะสำรวจพบชั้นถ่านหินชนิดนี้หนาประมาณ 3 เมตร คลุมพื้นที่ประมาณ 8 ตารางกิโลเมตร บริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดกระบี่ และบริเวณทางตะวันตกเฉียงใต้ห่างจากเกาะภูเก็ตประมาณ 40 กิโลเมตร คลุมพื้นที่ประมาณ 50 กิโลเมตร
และพบตัวอย่างหินเป็นแร่ฟอสเฟตในรูปของ ฟอสเฟต-โนดูลส์ ฟอสฟอไรต์สีน้ำตาลเข้มถึงดำ ชนิดเฟอโรฟอสเฟตมีปริมาณฟอสฟอรัสเพนตอกไซด์ (P2O5) อยู่ร้อยละ 2.21-14.68 จากพื้นทะเลที่ระดับน้ำลึกประมาณ 100 - 500 เมตร
ที่มา: ดัดแปลงจาก กรมทรัพยากรธรณี. 2543. แหล่งแร่ดีบุกในทะเลอันดามัน. วารสารเศรษฐธรณีวิทยา, 2(12): หน้า 3-4.
ปริมาณแร่สำรองในอ่าวไทย
ชื่อพื้นที่
|
บริเวณนอกชายฝั่ง
|
พื้นที่สำรวจ
(ตร.กม.)
|
พื้นที่แหล่งแร่
(ตร. กม.)
|
ปริมาณแร่ (ตัน)
|
|
ดีบุก
|
แร่หนักมีค่า
|
||||
1A
|
จ. ระยอง (อ่าวระยอง)
|
1100
|
200
|
-
|
250,000
|
1C
|
จ. ระยอง (อ.แกลง)
|
2400
|
285
|
-
|
180,000
|
1D
|
จ. จันทบุรี-ระยอง
|
250
|
67.5
|
-
|
30,000
|
2AB
|
จ. ประจวบคีรีขันธ์
|
2710
|
40.5
|
980
|
48,000
|
3AB
|
จ. สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย-พงัน)
|
1280
|
60.7
|
2,500
|
250,000
|
4
|
จ. นครศรีธรรมราช
|
2360
|
175
|
-
|
280,000
|
หมายเหตุ : แร่หนักมีค่า ประกอบด้วย Ilmenite, Rutile, Monazite, Tourrnaline, Zircon, Xenotime
ปริมาณแร่สำรองในอันดามัน
ชื่อพื้นที่ |
บริเวณนอกชายฝั่ง |
พื้นที่สำรวจ (ตร.กม.) |
พื้นที่แหล่งแร่ (ตร.กม.) |
ปริมาณแร่ (ตัน) |
|
ดีบุก |
แร่หนักมีค่า |
||||
A |
จ. ระนอง |
1,496 |
400 |
90,000 |
225,637 |
B |
จ. พังงา |
560 |
26 |
19,000 |
120,608 |
C |
จ. พังงา-ภูเก็ต |
121 |
10 |
5,000 |
10,000 |
ท้ายเหมือง |
จ. พังงา |
240 |
134 |
19,000 |
141,285 |
D |
จ. ภูเก็ต |
400 |
41 |
26,000 |
44,125 |
อ่าวพังงา |
จ. พังงา |
365 |
8 |
31,000 |
- |
หมายเหตุ : แร่หนักมีค่า ประกอบด้วย Ilmenite, Rutile, Monazite, Tourrnaline, Zircon, Xenotime
ที่มา : รังสิโรจน์ วงศ์พรหมเมฆ. 2552. สถานภาพ โอกาส สิ่งท้าทายการพัฒนาทรัพยากรเเร่. โอกาสเเละสิ่งท้าทายในการใช้ทะเลของประเทศไทยอยู่ตรงไหน ครั้งที่4: ทรัพยากรไม่มีชีวิต. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย.
การผลิต การบริโภค และปริมาณสำรอง
กลุ่มแร่เซรามิกส์และเครื่องแก้ว
ทรายแก้ว
- ภาคใต้ เป็นแหล่งทรายชายฝั่งทะเลปัจจุบันและแหล่งชายฝั่งโบราณ ทรายแก้วชั้นบนเป็นทรายแก้วสกปรกสีดำ มีสารอินทรีย์ปนอยู่หนา 10-30 เซนติเมตร ชั้นกลางเป็นทรายแก้วคุณภาพดี มี สีขาวถึงน้ำตาลอ่อนหนา 0.6-2 เมตร ชั้นล่างสุดเป็นทรายสีน้ำตาลแก่ มีจำนวนแหล่งทรายทั้งหมด 16 แหล่ง รวมปริมาณสำรอง 140 ล้านเมตริกตัน
-
ภาคตะวันออก เป็นแหล่งทรายชายฝั่งทะเลปัจจุบันและแหล่งทรายชายฝั่งโบราณ ทรายแก้วชั้นบนสุดหนา 10-30 เซนติเมตร สีน้ำตาลถึงดำมีสารอินทรีย์ปนอยู่ ชั้นกลางเป็นทรายแก้วคุณภาพดี หนา 0.3-2.0 เมตร มีสีขาว เทาอมชมพู น้ำตาลอมเหลืองอ่อน ชั้นล่างเป็นทรายแก้วเกรดต่ำ ทรายแก้วตามชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกมีปริมาตร 91 ล้านลูกบาศก์เมตร (ประมาณ 230 ล้านเมตริกตัน) ปัจจุบันมีแหล่งทราย 19 แหล่ง รวมปริมาณสำรอง 115 ล้านตัน
-
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นทรายบกชนิดทรายแม่น้ำ มี 3 แหล่ง ได้แก่ บ้านดอนแก้ว อ.บึงกาฬ บ้านนาทราย และบ้านสันทรายงาม อ.ศรีวิไล จังหวัดหนองคาย รวมมีปริมาณสำรอง 11.2 ล้านเมตริกตัน
ดีบุก
ดีบุก (Tin) หรือแร่แคสซิเทอไรต์ (Cassiterite : SnO2) มี Sn 78.6 % และ O 21.4 % อาจมีเหล็กปนเล็กน้อย แร่ดีบุกถูกนำมาใช้เคลือบโลหะอื่น เช่น เหล็ก ทองแดง และทองเหลือง โลหะที่ถูกเคลือบด้วยดีบุกจะมีคุณสมบัติทนการกัดกร่อนของกรดและสารละลายอื่นๆได้ ไม่เป็นสนิม และไม่เป็นพิษต่อร่างกาย จึงถูกนำมาทำภาชนะบรรจุอาหาร การใช้ประโยชน์อื่น เช่น ใช้ทำตะกั่วบัดกรีซึ่งหลอมละลายง่าย เมื่อเย็นตัวลงจะทำให้เกิดการยึดเกาะระหว่างผิวหน้าของโลหะ และดีบุกในรูปของสารประกอบถูกนำไปใช้ประโยชน์หลายอย่าง
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางแร่ดีบุก โดยในช่วงปี 2504-2537 มีการผลิตแร่ดีบุกขึ้นเป็นปริมาณ 899,244 เมตริกตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 106,644 ล้านบาท และถูกจัดอันดับให้เป็นผู้ผลิตแร่ดีบุกมากเป็นอันดับที่ 1 ถึง 4 ของโลกอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปี 2510-2527
กรมทรัพยากรธรณีได้ทำการสำรวจทั้งทางธรณีฟิสิกส์และเจาะสำรวจในทะเลอันดามัน บริเวณชายฝั่งจังหวัดระนองถึงจังหวัดสตูล พบได้ว่าแหล่งแร่ดีบุกในทะเลอันดามันเป็นแหล่งแบบทุติยภูมิชนิดลานแร่ โดยลักษณะของแหล่งลานแร่ดีบุกในทะเลอันดามัน จำแนกเป็นแหล่งแร่ชนิดต่างๆ ได้ดังนี้
- แหล่งร่องน้ำโบราณนอกชายฝั่ง (Offshore Paled-Channel Deposit) บริเวณร่องน้ำโบราณเป็นบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์แร่ดีบุกมากที่สุด มักพบแร่ดีบุกปนกับตะกอนชนิดทรายหยาบถึงกรวด (ชาวบ้านเรียก หินแก้ว) พบเป็นร่องน้ำจากปากแม่น้ำลงสู่ทะเล เช่น ที่บริเวณนอกชายฝั่งอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และในอ่าวภูเก็ต ระดับความลึกของน้ำตั้งแต่ชายฝั่งลงไปถึงระดับน้ำ 40 เมตร
- แหล่งลานแร่นอกชายฝั่ง (Offshore Placer Deposit) ตั้งแต่บริเวณแนวชายหาดลงไปในทะเลถึงระดับความลึกน้ำทะเล 30 เมตร โดยพบแร่ดีบุกและแร่พลอยได้มีความอุดมสมบูรณ์สูงบริเวณใกล้ฝั่งและพบลดลงเมื่อไกลออกไปในทะเล บริเวณที่พบแหล่งแร่ดีบุกและแร่พลอย แบ่งได้เป็น 3 บริเวณ คือ บริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดระนองและพังงา บริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต และอ่าวในหมู่เกาะอาดัง-ราวี จังหวัดสตูล
การสำรวจทางธรณีฟิสิกส์และเจาะสำรวจของกรมทรัพยากรธรณีบริเวณอ่าวในหมู่เกาะอาดัง-ราวี จังหวัดสตูล พบว่าแหล่งแร่บริเวณนี้มีแหล่งลานแร่ที่มีต้นกำเนิดจากเกาะราวี มีค่าความสมบูรณ์ของแร่ดีบุกสูงสุด 0.740 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในบริเวณทางใต้ของเกาะราวี และมีแร่ทัวร์มาลีนเป็นแร่พลอยได้ที่พบมากที่สุด มีความสมบูรณ์สูงถึง 13.983 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ยังไม่สามารถประเมินปริมาณสำรองของแร่ดีบุกได้ เนื่องจากข้อมูลจากหลุมเจาะยังไม่เพียงพอ แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากหมู่เกาะอาดัง-ราวี จังหวัดสตูลถูกผนวกเข้าในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตาในปี 2517 จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการทำเหมืองได้
สำหรับโครงการสำรวจแร่นอกชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ที่ดำเนินการร่วมกันระหว่างกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงอุตสาหกรรมกับองค์การสหประชาชาติ ในระหว่างปี 2530-2539 ในพื้นที่นอกชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของจังหวัดระยอง จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และพื้นที่ภาคใต้ บริเวณรอบเกาะสมุยและเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี และพื้นที่นอกชายฝั่งจังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากนั้นยังมีการสำรวจที่ดำเนินการโดยเอกชนหลายพื้นที่ เช่น บริเวณนอกชายฝั่งทะเลของอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี หาดมาบตาพุด และบริเวณรอบเกาะเสม็ด จังหวัดระยอง นอกชายฝั่งอำเภอท่าชนะ จังหวัดชุมพร อำเภอขนอม และอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช และบริเวณรอบเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อเนื่องไปจนถึงนอกชายฝั่งทะเลจังหวัดสงขลา ปัตตานี และนราธิวาส เป็นต้น ซึ่งผลการสำรวจของภาคเอกชนเหล่านี้ ไม่พบแหล่งแร่ที่คุ้มค่าต่อการลงทุนในการทำเหมือง
กรมทรัพยากรธรณี.2543.แหล่งเเร่ดีบุกในทะเลอันดามัน.วารสารเศรษฐธรีณ๊วิทยา, 2(12) : หน้า 4-5.
กรมทรัพยากรธรณี.2542.แหล่งเเร่ดีบุกในทะเลอันดามัน.วารสารเศรษฐธรีณ๊วิทยา, 1(15), หน้า 6.
กรมทรัพยากรธรณี.2542.การสำรวจและการทำเหมืองเเร่ดีบุกในทะเลไทย.วารสารเศรษฐธรีณ๊วิทยา,1(15), หน้า 3-4.
ปัญหาที่อาจจะเกิดจากการทำเหมืองแร่ดีบุกในทะเลและแนวทางการบรรเทาปัญหา
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
สภาพภูมิทัศน์บริเวณชายฝั่งถูกบดบัง เนื่องจากการทำเหมืองในลักษณะของเรือสูบ แพดันเป็นจำนวนมาก ทรัพยากรในทะเลลึก : แร่ฟอสเฟต (Phosphorite Nodules)
สถานการณ์และปัญหาของทรัพยากรในทะเลลึก
สำหรับการสำรวจแร่ในทะเลที่ลึกกว่า 50 เมตรลงไป ได้เริ่มดำเนินการในช่วงปี 2540-2542 โดยกรมทรัพยากรธรณีร่วมกับศูนย์วิจัยชีววิทยาและประมงทะเล จังหวัดภูเก็ต ได้ทำการสำรวจและเก็บตัวอย่างหินพื้นท้องทะเลอันดามันที่ระดับน้ำลึกประมาณ 100-500 เมตร ห่างจากชายฝั่งประมาณ 40-250 กิโลเมตร